วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไอติมchocolate ถ้วยละ 35000 มาดูกันเร็ว


เมนู ช็อคโกแลตนี้มีชื่อว่า ฟรอซเซ่น โอต์ ช็อคโกแลต (Frrozen Haute Chocolate) เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ สตีเฟน บรูซ เจ้าของร้าน เซเรนดิพิตี้ 3 ร่วมกับยูโฟเรีย ร้านอัญมณีของนิวยอร์ค เป็นช็อคโกแลตซันเดร้อน ที่ผสมผสานกันระหว่างโกโก้ 28 ชนิด ในจำนวนนี้รวมถึงโกโก้หายาก 14 ชนิดที่มีราคาแพงที่สุดจากทั่วโลก เสิร์ฟในถ้วยแก้วราดด้วยวิปครีม โรยหน้าทับด้วยผงทองคำ 23 กะรัตชนิดกินได้ ภาชนะถ้วยแก้วนี้ก็ไม่ใช่ถ้วยแก้วธรรมดา แต่เป็นถ้วยแก้วที่มีทองคำ18 กะรัตตกแต่งเป็นสร้อยโอบรอบโคนถ้วยประดับเพชรสีขาวน้ำหนัก 1 กะรัต นอกจากนี้ช้อนที่ใช้ตักกินก็เป็นช้อนทองคำที่ประดับด้วยเพชรสีขาว และสีช็อคโกแลต สนนราคาของหวานมื้อนี้รวมถึงค่าถ้วยและช้อนที่ลูกค้าสามารถนำกลับบ้านได้ ด้วย เมื่อ 4 ปีที่แล้วร้านอาหารแห่งนี้เคย มีเมนูของหวาน เป็นไอศครีมซันเด ที่มีชื่อว่า โกลเด้น โอปูเลนซ์ ราคา 1 พันดอลลาร์ หรือประมาณ 35,000 บาท ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักร้องเพลงร็อค และบุคคลที่มีชื่อเสียง เจ้าของร้านบอกว่า ทั้งสองเมนูนี้จะขายให้เฉพาะลูกค้าที่สั่งไว้ล่วงหน้าเท่านั้น และตอนนี้ก็มีคนสั่งฟรอซเซ่น โอต์ ช็อคโกแลต แล้วหลายคน ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปที่กำลังจะเดินทางมาเที่ยวที่นิวยอร์ค

7 เคล็ดลับอ่านให้จำ ในเวลาจำกัด


1. ต้องสร้างทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือซะก่อน หากมีทัศนคติที่แย่ๆ ต่อการอ่านหนังสือแล้ว อ่านถึง 10 รอบก็ไม่มีทางจำได้ อ่านเยอะอย่างไรก็ไม่เข้าหัว

2. เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือแล้ว ก็ต้องมาสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือด้วย แรงจูงใจจะเป็นตัวผลักดันและกระตุ้นให้มีความอยากในการอ่านหนังสือ ซึ่งวิธีการสร้างแรงจูงใจก็คือ พยายามคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราอ่านหนังสือสำเร็จ เช่น ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือและเตรียมความฟิตให้ตัวเองจนพร้อมแล้ว เราก็สามารถตะลุยข้อสอบได้ ผลก็คือได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจ จากจุดนี้ก็จะทำให้เราได้เกรดสูงๆ หรือไม่ก็ Admissions ติด พ่อ แม่ พี่ น้อง ก็จะดีใจหรืออาจจะได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากท่านอีกก็ได้ อิอิ

3. พยายามสรุปเรื่องที่เราอ่านแล้วจำเป็นรูปภาพ ปกติแล้วมนุษย์จะจำเรื่องราวทั้งหมดเป็นรูปภาพ หลายๆวิชาที่ไม่มีรูปภาพประกอบทำให้เราอ่านแล้วไม่สามารถจินตาการ หรือจดจำได้ ให้เพื่อนๆ สรุปเรื่องที่เราอ่านแล้ว นำมาทำเป็น My map เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สัมพันธ์กันและวาดให้เป็นความเข้าใจของตัวเอง จะทำให้จำได้แม่นขึ้น

4. หาเวลาติวให้เพื่อน เป็นวิธีการทบทวนความรู้ไปในตัวได้ดีที่สุด เพราะเราจะสอนออกมาจากความเข้าใจของตัวเราเอง หากติวแล้วเพื่อนที่เราติวให้เข้าใจ ถือว่าเราแตกฉานในความรู้นั้นได้อย่างแท้จริง

5. เน้นการตะลุยโจทย์ให้เยอะๆ พยายามหาข้อสอบย้อนหลังมาทำให้ได้มากที่สุด เพราะการตะลุยโจทย์จะทำให้เราจำได้ง่ายกว่าการอ่านเนื้อหา

6. เตรียมตัวและให้ความสำคัญในการอ่านหนังสือในวิชาที่เราถนัดมากกว่าวิชาที่ดันไม่ขึ้น หลายคนเข้าใจผิด ไปทุ่มเทเวลาให้กับวิชาที่เราไม่ถนัด วิชาไหนที่เราไม่ถนัด ดันยังไงมันก็ไม่ขึ้น เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปทุ่มให้กับวิชาที่เราทำได้ให้ชัวร์ดีกว่า จะได้เอาคะแนนไปถัวเฉลี่ยกับวิชาอื่นๆ แบบนี้เข้าท่ากว่าเยอะนะ

7. สมาธิเป็นสิ่งสำคัญมากในการอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีสมาธิดี ใครที่สมาธิสั้น จะจำยาก ลืมง่าย ใครสมาธิดี จะจำง่าย ลืมยาก การอ่านหนังสือ ต้องอ่านต่อเนื่องอย่างน้อย ชั่วโมงครึ่ง 30 นาทีแรกจิตใจของเรากำลังฟุ้ง ให้พยายามปรับให้นิ่ง 60 นาทีหลัง ใจนิ่งมีสมาธิแล้วก็พร้อมรับสิ่งใหม่ เข้าสู่สมอง ที่สำคัญอย่าเอาขยะมาใส่หัว ห้ามคิดเรื่องพวกนี้ซักพักเช่น เรื่องหนัง , เกม , แฟน พยายามออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจเรานิ่งขึ้น

"แป้งเด็ก" เสน่ห์แห่งความเป็นผู้หญิง

เรื่องของกลิ่นตัวหอมจากแป้งเด็กนั้นเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้สาวๆ มีกลิ่นหอมไปตลอดทั้งวัน กลิ่นตัวหอมๆ จะสร้างความมั่นใจและส่งเสริมให้บุคลิกของสาวๆ อีกด้วย คิดดูสิคะเดินไปไหนก็ตัวหอมฟุ้ง เป็นใครใครก็ต้องเหลียวมองค่ะ


ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้แป้งเด็กสร้างความหอมให้กับกลิ่นกายก็คือ แป้งเด็กจะให้กลิ่นที่หอมละมุนไม่ฉุนเหมือนน้ำหอมค่ะ ที่สำคัญสาวๆ ไม่ต้องเสี่ยงกับการระคายเคืองจากสารเคมีที่อยู่ในน้ำหอมด้วย


อีก หนึ่งประโยชน์ของแป้งเด็กสําหรับสาวๆ ที่ชอบแต่งหน้าหรือจําเป็นต้องแต่งหน้าเป็นประจําทุกวัน ก็คือ หลังจากที่ลงมอยส์เจอไรเซอร์ และทากันแดดแล้ว ให้สาวๆ ลองใช้ขนแปรงปัดแป้งเด็กก่อนที่จะลงแป้งพัฟดูบ้าง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า เพราะจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ไม่ทําให้เกิดการอุดตันของสิวและช่วยให้การลงแป้งพัฟบนใบหน้าดูนวลเนียนยิ่ง ขึ้น


ส่วนสาวเจ้าเสน่ห์ที่รู้ตัวว่าขาดความหอมไม่ได้ แถมเย็นนี้ยังมีนัดพิเศษและต้องการรีเฟรชตัวเองให้รู้สึกสดชื่น สดใส ก่อนออกเดทสําคัญ ขอแนะนําว่า เมื่อใกล้เวลาเลิกงานลองใช้แป้งเด็กที่มีกลิ่นหอมของบลอสซั่มเติมความหอมให้ ผิวหน้าและผิวกาย เคล็ดลับนี้ง่ายแต่โดนใจสุดๆ เพราะใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีก็ทําให้รู้สึกสดชื่น แห้งสบายตัวแล้วล่ะค่ะ แถมแป้งเด็กกลิ่นบลอสซั่มซึ่งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ จะทําให้คนรอบข้างติดอกติดใจอยากสัมผัสกันเป็นแถวเลยล่ะ

และ สําหรับสาวไฮเปอร์ที่ชอบออกกําลังกายหลังเลิกงาน แต่รู้สึกไม่มั่นใจกลับกลิ่นเหงื่ออันไม่พึงประสงค์หลังออกกําลังกายจนพาล ให้หมดความมั่นใจ ขอแนะนําว่า ให้ใช้แป้งเด็กที่มีกลิ่นหอมทาตัว และทาใบหน้าเพิ่มความสดใส แค่นี้ไม่ว่าเวลาไหนสาวมั่นก็หอมสดชื่นมั่นใจได้ตลอดวันแล้วล่ะค่ะ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สิ่งแรกของโลก!!O.O...*

ผ้าพิมพ์ลายผืนแรก

ผู้คิดค้นวิธีการพิมพ์ลวดลายต่างๆ และสีสันสวยงามลงบนผืนผ้าเป็นคนแรกคือชาวอังกฤษ ชื่อ เซอร์โรเบิรต์ ฟิล

เขา ทดลองวาดภาพบนสังกะสีเรียบ แล้วนำผ้าไปวางทับ ก่อนที่จะใช้เครื่องอัด อัดทับผืนผ้าอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อคลายเครื่องอัดออกก็ปรากฎลวดลายสวยงามที่ผืนผ้านั้น และจากนั้นเอง เขาก็ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ลวดลายต่างๆลงบนผ้าให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จนผ้าพิมพ์ลายได้รับความนิยมแพร่หลายตราบจนทุกวันนี้


กางเกงยีนส์ตัวแรก

กางเกง ยีนส์ที่คนทั่วโลกทั้งหญิงและชายนิยมสวมใส่กันอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นผลงานของชายผู้หนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อผ้าในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เขาผู้นี้มีชื่อว่า ลีวาย สเตราส์ จุด มุ่งหมายของเขาก็คือ การผลิตกางเกงขายาวเพื่อให้คนงานทำเหมืองได้สวมใส่ ซึ่งจะต้องเป็นกางเกงที่มีความทนทาน สมบุกสมบันเป็นเยี่ยม ซึ่งต่อมาภายหลัง มิได้มีแต่เพียงคนงานเท่านั้นที่นิยมชมชอบ แต่คนทุกสาขาอาชีพก็นิยมใส่กางเกงยีนส์กันทั่วทั้งโลก

ปากกาลูกลื่นด้ามแรก

นักหนังสือพิมพ์ชื่อ ปิโร ชาว ฮังการี ได้พยายามคิดค้นปากกาแบบใหม่ที่ไม่ต้องคอยเติมน้ำหมึกบ่อย ๆ ให้เลอะเทอะ และเขียนได้คล่องกว่าปากกาหมึกซึม โดยการใส่เหล็กกลมขนาดเล็กเข้าไปในตัวปากกาเพื่อบังคับน้ำหมึกและให้เขียน ได้อย่างลื่นไหล
ต่อมาในปี พ.ศ. 2486 เขาได้พัฒนาน้ำหมึกที่ใช้กับปากกาลูกลื่นได้ผลดีมาจนถึงทุกวันนี้


ต้นตำรับยางรถยนต์

ล้อของรถยนต์หรือล้อของรถประเภทต่าง ๆ ที่ทำด้วยยางที่ใช้กันทั่วไปทุกวันนี้นั้น ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2382 โดยผู้วชาญชื่อ ชาร์ลส์ กูดเยียร์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน เขาพบว่า ด้วยเนื้อยางเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศและต่อการใช้งานอย่างหนักได้
เขา จึงได้นำยางดิบผสมกับกำมะถันและตะกั่ว และลนด้วยไฟ จึงได้เนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นและสามารถคงรูปเดิมอยู่ได้ ไม่ว่าสภาพอากาศหรืออุณหภูมิจะเปลี่ยนไปจนกระทั่งนำมาทำเป็นล้อรถดังเช่นทุก วันนี้


จักรยานคันแรก

รถจักรยานคันแรกที่ถูกสร้างขึ้นมาใช้งานเป็นผลงานของชาวสก็อตแลนด์ชื่อ แพทริก แมคมิลแลน เมื่อปี ค.ศ. 1839 ซึ่งต่อมามันเป็นพาหนะที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
จักรยานยุคแรก ๆ ใช้ล้อที่เป็นยางตัน แต่ภายหลังได้พัฒนายางที่สามารถสูบลมเข้าไปได้ ทำให้มีความเบา วิ่งได้เร็ว และลดแรงสะเทือน
อีกทั้งยังคิดระบบเบรก เพื่อให้หยุดได้ทุกเมื่ออย่างมีประสิทธิภาพ

เฮลิคอปเตอร์ลำแรก

ผู้คิดสร้างเฮลิคอปเตอร์เป็นคนแรกคือ อิกอร์ ซิคอร์สกี้ ชาวรัสเซีย ด้วยความคิดที่จะให้มันบินขึ้นลงได้ในแนวดิ่ง ดังนั้น มันจึงไม่จำเป็นต้องใช้ทางวิ่งเหมือนเช่นเครื่องบินทั่ว ๆ ไป
ซิ คอร์สกี้ ได้ย้ายมาอยู่อเมริกา และสร้างเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1939 ซึ่งหลังจากนั้น มันก็ได้ถูกพัฒนาให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังเช่นทุกวันนี้

บอลลูนเที่ยวแรก
การที่ได้พาตัวเองขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อล่องลอยไปไหนต่อไหนได้อย่างอิสระนั้น เป็นความต้องการของมนุษย์มานานแล้ว

การเดินทางโดยบอลลูนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่มีความท้าทายเป็นอย่างยิ่งของชาวยุโรป ที่ชื่อ มองโกไฟเออร์ โดย หลังจากลองผิดลองถูกมานาน จนในที่สุดเขาได้สร้างบอลลูนขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยอากาศร้อนได้สำเร็จ เป็นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1783 และนั่นนับเป็นก้าวแรกของการเดินทางด้วยบอลลูนอย่างแท้จริง

คนแรกที่คิดค้นระเบิด !

อัลเฟรด โนเบล ชาว สวีเดน ได้สร้างระเบิดไดนาไมต์สำเร็จเป็นคนแรก จุดประสงค์ของเขาก็คือใช้มันระเบิดหินเพื่อการอุตสาหกรรม และระเบิดขุนเขาในการสร้างเส้นทางคมนาคม แต่ต่อมา…ระเบิดที่เขาสร้างกลับถูกนำไปใช้ในการเข่นฆ่าประหัตประหารกัน จึงทำให้เขาเสียใจมาก
ในที่สุด เขาจึงได้ก่อตั้งมูลนิธิขึ้นชื่อว่า มูลนิธิรางวัลโนเบล เพื่อมอบรางวันแก่คนทำความดีในสาขาต่าง ๆ ซึ่งรางวัลโนเบลนี้เป็นรางวัลอันทรงเกียรติ และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก

หลอดไฟฟ้าดวงแรก

มนุษย์สามารถเอาชนะความมืดได้อย่างถาวร ก็เมื่อร้อยกว่าปีนี้เอง
เมื่อ โธมัส เอดิสัน ชาวอเมริกัน คิดหลอดไฟฟ้าได้สำเร็จ โดยใช้ด้าย นำมาเผาจนกลายเป็นถ่านคาร์บอน บรรจุไว้ในหลอดแก้วที่ดูดอากาศออก ทำให้ไม่ลุกเป็นไฟ
หลอดไฟฟ้าหลอดแรกของเขาสามารถส่องสว่างได้นานกว่า 40 ชั่วโมงเลยทีเดียว
และนับจากนั้น โลกก็สว่างไสวไปทั่ว ด้วยหลอดไฟนานาชนิดตราบจนกระทั่งทุกวันนี้

กำเนิดโทรทัศน์

กว่า จะมาเป็นโทรทัศน์สีจอกว้างจอแบน ที่มีระบบอันทันสมัยนานาประการหลายสิบหลายร้อยยี่ห้อดังเช่นทุกวันนี้นั้น หากย้อนหลังไปในปี ค.ศ. 1925 โทรทัศน์ขาว-ดำ เครื่องแรกของโลกที่ถูกสร้างขึ้นได้นั้น เป็นผลงานการประดิษฐ์ของ จอห์น ลอกกี้ เบรียด ชาวสก๊อตแลนด์
จอห์น ได้มุมานะทดลองการรับส่งสัญญาณภาพอยู่นานหลายปีจนสำเร็จ โดยสามารถส่งภาพวัตถุไปยังเครื่องรับอีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ห่างกันได้อย่าง ชัดเจน และนับจากวันนั้น โทรทัศน์ก็ครองใจคนเรื่อยมา

เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องแรก

ก่อนที่จะมาเป็นแผ่นซีดีเพลงแผ่นเล็ก ๆ ที่เราคุ้นเคยกันอย่างทุกวันนี้นั้น ต้นกำเนิดก็มาจากเครื่องเล่นและแผ่นเสียงขนาดใหญ่ที่ โธมัส อัลวา เอดิสัน นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันได้สรรค์สร้างขึ้นมานั่นเอง
เอ ดิสัน ได้ทดลองผลิตแท่นหมุน และพูดให้เสียงผ่านไปตามจังหวะ โดยอาศัยเข็มที่จะขูดลงไปบนร่องของแผ่นตะกั่ว และก็ปรากฏเสียงของตนเองดังขึ้น ซึ่งหลังจากนั้น เขาก็ได้พัฒนาปรับปรุงจนเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้สำเร็จ

เครื่องซักผ้าเครื่องแรก

มนุษย์ ซักเครื่องนุ่งห่ม ตลอดจนแพรพรรณต่าง ๆ ด้วยมือ และสิ่งอำนวยความสะดวกรอบกายมานานนับพันปีมาแล้ว ในศตวรรษที่ 16-17 ได้มีการค้นคิดเครื่องซักผ้าขึ้นมาใช้งาน โดยมีถังไม้ใหญ่บรรจุน้ำและผ้าซึ่งหมุนได้ด้วยแกนที่มีด้ามสำหรับหมุนด้วย มือ ผ้าจะผ่านลูกกลิ้งซึ่งคล้ายกับที่สำหรับบดปลาหมึก ตราบจนถึงปี ค.ศ. 1907 ชาวอเมริกันชื่อ อัลวา ฟิสเซอร์ ได้สร้างเครื่องซักผ้าที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าได้สำเร็จ จนเป็นเครื่องซักผ้าให้เราได้ใช้กันอย่างสะดวกสบายอย่างเช่นทุกวันนี้

นักบินหญิงคนแรก

หาก ได้ยินข่าวถึงเรื่องการขับเครื่องบินของผู้หญิงในปัจจุบัน คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าย้อนหลังกลับไปในปี พ.ศ. 2475 แล้วละก็นับว่ามันเป็นสิ่งท้าทายความสามารถของผู้หญิงเป็นอย่างมากโดยแท้ เธอคือ เอมิเลีย เอียร์ฮาร์ท หญิงชาวอเมริกันที่ขึ้นเครื่องบินเครื่องยนต์ลูกสูบใบพัด บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลก

กำเนิดมอเตอร์ไซค์

เมื่อ แพทริก แมคมิลแลน ประดิษฐ์ จักรยานสองล้อถีบได้ไม่นาน ก็มีผู้คิดเครื่องจักรไอน้ำขนาดเล็ก นำมาติดตั้งเข้ากับจักรยานสองล้อถีบ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับในด้านประสิทธิภาพ เพราะไม่มีความสะดวกสบายในการนำมาใช้งาน
จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1885 ก้อทเลี๊ยบ เดมพ์เลอร์ ก็ ได้คิดค้นดัดแปลงจักยานสองล้อที่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่ใช้นำมันเชื้อ เพลิงได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมทั้งปรับปรุงระบบกันสะเทือน ตลอดจนระบบเบรก และล้อให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

กำเนิดเครื่องบิน

ชาวโลกจะไม่มีวันได้นั่งไปบนอากาศยานเหินฟ้าข้ามแผ่นดิน และมหาสมุทรกันอย่างสบาย ดังเช่นทุกวันนี้ ถ้าหากพี่น้องตระกูลไรท์ คือ วิลเบอร์และออร์วิล ไม่ได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมา
ตอน แรกไม่มีใครเชื่อว่า สิ่งประดิษฐ์ติดปีกพร้อมมอเตอร์สิ่งนี้จะสามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ แต่เมื่อมันบินได้จริง ๆ คนทั่วโลกก็ต้องทึ่ง
จากวันนั้น จึงทำให้วิวัฒนาการการบินเจริญตามรอยและก้าวหน้าต่อไปตราบถึงปัจจุบัน
วิลเบอร์ไรท์ มีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ. 2410-2455 และออร์วิล มีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ. 2414-2491

ระเบิดปรมาณลูกแรก

ใน ปี พ.ศ. 2488 สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะยุติสงครามโลกครั้งที่สองให้ได้โดยเร็วด้วยการ ใช้อาวุธชนิดใหม่ที่เพิ่งคิดค้นได้สำเร็จ สิ่งนั้นก็คือ ระเบิดปรมาณู อันเป็นระเบิดที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูงส่งมากมายมหาศาล
ระเบิดปรมาณู ลูกแรกถูกทิ้งจากเครื่องบินลงมายังเมือง ฮิโรชิมา ของญี่ปุ่น ทำให้เมืองทั้งเมืองพินาศย่อยยับ ผู้คนล้มตายนับแสน ที่เหลือก็บาดเจ็บสาหัสพิกลพิการไปจนตลอดชีวิต
จนถึงทุกวันนี้ ยังมีคำถามอยู่เสมอ ๆ ว่า จำเป็นด้วยหรือกับการฆ่าคนเป็นแสนเป็นล้านเพียงเพื่อยุติสงคราม

กำเนิดวิทยุ
ภายหลังจาก เฮนริช เฮิร์ช ได้ ค้นพบคลื่นวิทยุในปี ค.ศ. 1887 แต่ต่อมา นักทดลองค้นคว้าชื่อ กูลิเอลโม มาร์โคนี ชาวอิตาเลียน ได้ทดลองพัฒนาต่อมา จนเป็นคนแรกที่นำเอาคลื่นวิทยุมาใช้ส่งข่าวสารไปทั่วโลก
ในช่วงแรกนั้น การส่งวิทยุมักจะเป็นการส่งข่าวสาร แต่ต่อมามีการประดิษฐ์วิทยุที่มีความถี่ต่าง ๆ ที่สามารถเลือกสถานีได้ตามความปรารถนา ไม่ว่าจะฟังข่าว ฟังเพลง หรือรายการรูปแบบต่าง ๆ

กำเนิดเครื่องทำความเย็น

มนุษย์เราในสมัยโบราณรู้จักที่จะทำเครื่องทำความเย็นขึ้นใช้ด้วยสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เช่น นำน้ำหรือของเหลวมาเป็นตัวลดอุณหภูมิ
ใน ยุคศตวรรษที่ 19 ได้มีการประดิษฐ์เครื่องทำความเย็นและทำน้ำแข็งเป็นครั้งแรก โดยใช้หลักความดันอากาศ และของเหลวที่ได้มาจากน้ำยางเสีย ๆ แต่ก็ไม่แพร่หลาย
จนกระทั่งถึงต้นยุคศตวรรษที่ 20 เครื่องทำความเย็นได้ถูกพัฒนาโดยชาวฝรั่งเศส ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จนสามารถผลิตออกขายได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน จนกลายมาเป็นเครื่องทำความเย็นหลากหลายยี่ห้อดังทุกวันนี้

กระดาษแผ่นแรก

ผู้คิดทำกระดาษขึ้นใช้เป็นคนแรกคือชาวจีนชื่อ ไซ หลุน เมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว
และสิ่งที่จะปรากฏร่องรอยจารึกบนแผ่นกระดาษก็คือน้ำหมึก ซึ่งก็เป็นชาวจีนอีกนั่นแหละ ที่เป็นผู้คิดค้นทำขึ้นมาใช้
โดยใช้น้ำกับกาว และเขม่าจากตะเกียงน้ำมันผสมผสานกัน จนเป็นน้ำหมึก

กำเนิดทอฟฟี่

เม็ด อม หรือทอฟฟี่ ที่เรานิยมลิ้มลองอยู่ทุกกวันนี้นั้น ผู้คิดคนแรกคือ ยอน แมคกินทอช ชาวสก๊อต เขาครุ่นคิดมาตลอดว่า ทำอย่างไรจึงจะนำลูกกวาดหรือลูกอมเหล่านี้ติดตัวไปได้ทุกที่ โดยไม่ละลายเหนียว และไม่ต้องใส่ขวดอยู่ตลอดเวลาให้เกะกะ เขาจึงได้นำลูกกวาดห่อหุ้มด้วยกระดาษกันน้ำ ที่มีสีและลวดลายที่สวยงาม ซึ่งเมื่อนำออกขาย ก็ปรากฏว่า ขายดิบขายดีเป็นอย่างมาก และนับจากนั้น ทอฟฟี่ก็ถูกผลิตขึ้นอย่างมากมายด้วยรสต่าง ๆ นานาชนิด จนถึงทุกวันนี้

คริสต์มาส


คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ (Christmas) ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า "บูชามิสซาของ พระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ (เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1038) และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในรัชกาลของจักรพรรดิออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรีย ก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 23 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนกำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริย เทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64 - ค.ศ. 313 จนถึงวันที่ 23 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วัดพระศรีอารย์

วัดพระศรีอารย์ มีอายุประมาณ ๒๖๐ ปี เป็นวัดเก่าแก่สร้าง มาแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา เดิมวัดพระศรีอารย์ ชื่อ วัดสระอาน สันนิษฐานว่า วัดพระศรีอารย์ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อ ประมาณปี ๒๒๗๕ ซึ่งแต่ก่อนเป็นวัดสร้างยังไม่มี พระภิกษุ มาอยู่จำพรรษา เป็นวัดเก่าที่มีมาช้านาน มีผู้พบอุโบสถก่ออิฐ ถือปูน ขนาดกว้าง ๔ เมตร ยาว ๙ เมตร เป็น อุโบสถมหาอุด มีทางเข้าด้านหน้าเพียงด้านเดียว มีสระน้ำโบราณอยู่คู่กับ อุโบสถด้านทิศเหนือ

ขณะที่ค้นพบมีสภาพ เก่าและชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ภายในอุโบสถมีพระประธานที่เก่าแก่ เป็นอิฐเผาถือปูน บริเวณรอบๆ อุโบสถเป็นป่ามีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมอยู่ จนถึงประมาณปี ๒๔๗๕ เริ่มมีพระภิกษุเข้ามาพักจำพรรษา เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในปี ๒๕๐๐ ได้เปลี่ยนชื่อจาก วัดสระอาน มาเป็น วัดพระศรีอารย์

วัดศรีอารย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้ทำหน้าที่ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนตลอดมา และได้สร้าง อุโบสถหลังใหม่ขึ้น เป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า มีความวิจิตรตระการตา ประดับด้วยลายปูน ปั้นในรูปลักษณ์ต่างๆ อย่างงดงาม มั่นคง อย่างลงตัวทั้งหลัง

อุโบสถ ทองคำร้อยล้านก่อสร้างเมื่อปี ๒๕๑๐ โดย พระครูสิริพัฒนกิจ (หลวงพ่อขันธ์ กนฺตธโร) อดีตเจ้าวัดพระศรีอารย ์ เป็นผู้ริเริ่ม และได้รับ พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๐ การก่อสร้าง อุโบสถครั้งนี้ เพื่อใช้เป็น สถานที่ประกอบพิธีกรรมของภิกษุสงฆ์ อีกทั้ง ยังเป็น กาาแสดงถึงมรดกของไทย ด้านศิลปกรรม และจิตรกรรม

อุโบสถทำ จากคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๔๐ เมตร ประดับด้วยลวดลายรูปปั้น เป็นฝีมือช่างพื้นบ้าน อุโบสถหลังใหม่นี้ไม่มี แบบสำเร็จรูป เป็นการสร้างตามแบบที่หลวงพ่อขันธ์ ต้องการ และที่ สำคัญไม่มีการตอกเสาเข็ม เพราะ ในสมัยนั้น การก่อสร้างในต่างจังหวัด ยังไม่มีการ ตอกเสาเข็ม เพียงแต่นำหินมาถมและเทคานรองรับเพื่อสร้างตัวอุโบสถได้เลย

ช่างผู้รับงานก่อสร้างเป็นคนบ้านพระศรีอารย์ ส่วนแรงงานเป็นการลงแรงของคนในชุมชน และใกล้เคียง การก่อสร้าง�

ส่วน มากทำในเวลาที่ว่างจากงานประจำของชาวบ้าน กระทั่งในปี ๒๕๑๗ เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ชาวบ้านหวั่นวิตกว่า อุโบสถที่อยู่ระหว่าง ก่อสร้างจะพังลงมา เพราะไม่มีเสาเข็ม แต่หลัง จากน้ำลดลงแล้ว ไม่ปรากฏความเสียหายใดๆ

การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงระยะหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อขันธ์มรณภาพ พระครูวิทิตพัฒนโสภณ (สง่า ฐานิสฺสโร) เจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ รูปปัจจุบันได้เป็นผู้สานต่องานทั้งหมด

ต่อมา นายประเสริฐ อรชร ได้เข้ามารับช่วงการก่อสร้างต่อ จึงได้ดำเนินการเทคานรอบตัวอาคาร อีกครั้ง เพื่อความมั่นคง

การ ก่อสร้างในสมัยที่นายประเสริฐเข้ามารับงานนี้ เป็นการตกแต่งเพื่อความสมบูรณ์มากกว่า เพราะโครงสร้างของอาคาร ได้เสร็จก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น งานใหญ่ที่สำคัญคือ การติดลายปูนปั้นต่าง ทั้งภายในและรอบนอกอุโบสถ

ส่วนพระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่า สร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์ โดยมี หลวงพ่ออุตตมะ (พระราชสังวรอุดม) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี เป็นประธานในการอัญเชิญ มาประดิษฐานไว้ ณ อุโบสถร้อยล้านหลังนี้ เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๓๖

ภายในติดกระจก ลงรักปิดทองบานประตู หน้าต่าง แกะสลักเรื่อง พุทธประวัติ ฝาผนัง แต่งแต้มด้วย จิตรกรรม เรื่องพระมหาชนก พระเจ้า ๕ พระองค์ พระประธานในอุโบสถ สร้างจากหินหยกขาว ซึ่งหลวงพ่อ อุตตมะ แห่งวัดวังวิเวการาม จ.กาญจนบุรี เมตตาอธิฐานจิต อัญเชิญมา จากประเทศพม่า มาประดิษฐานที่ประเทศไทย ณ อุโบสถวัดพระศรีอารย์

และ การก่อสร้างอุโบสถทองคำร้อยล้าน วัดได้รับการถวายประตูอุโบสถจาก นายเกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ ประธานบริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๑ ล้านบาท หลังจากนั้นทุกปีนายเกรียงไกรก็จะมาช่วยงาน ที่วัดพระศรีอารย์เป็นประจำ

เข้าค่ายพุทธบุตร*

เข้าค่ายพุทธบุตร สนุกจัง ๆ.

พระอาจารย์ตลกดี
กิจกรรมเยอะ แถมมีข้อคิดอีกด้วย


อยากไปอีก!!

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แม่น้ำที่น่ากลัวที่สุดในโลก!

แม่น้ำนี้ชื่อว่า citarum
เมืองจาการ์ตา ประเทศ อินโดนีเซีย







วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทำไมตักบาตรเทโวโรหนะ ต้องมี “ข้าวต้มลูกโยน”


หลังจากวันออกพรรษา 1 วัน ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 นั้นเป็น "วันตักบาตรเทโวโรหนะ" เป็นวันที่ชาวพุทธจะออกมาทำบุญตักบาตรกันตามปกติ แต่ที่พิเศษกว่าทุกครั้งคือจะต้องมี "ข้าวต้มลูกโยน" ร่วมอยู่ด้วย เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จลงจากเทวโลก กลับจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว จึงได้มารอรับพระพุทธองค์ แต่เนื่องจากมีผู้รอรับจำนวนมากทำให้พุทธศาสนิกชนต้องโยนอาหารใส่บาตรพระพุทธองค์ ซึ่งสาเหตุนี้เองที่ทำให้เกิดประเพณี "วันตักบาตรเทโวโรหนะ" สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน และเมื่อทราบที่มากันไปแล้ว เรามาทำความรู้จัก “ข้าวต้มลูกโยน" ของสำคัญของประเพณีกันบ้างดีกว่า

ข้าวต้มลูกโยน” ทำมาจากข้าวเหนียวผัดกับกะทิและถั่วดำ เมื่อผัดเสร็จแล้วก็นำมาปั้นเป็นก้อนขนาดเท่าลูกมะปรางห่อด้วยใบพงทึ่มีลักษณะเหมือนใบอ้อย ห่อพันไปมาจนหุ้มข้าวเหนียวได้หมดเหลือปลายไว้ประมาณ 2 นิ้วฟุต หลังจากนั้นใช้ตอกที่จักจากไม้ไผ่มามัดให้แน่นอีกหลัง แล้วจึงไปนึ่งให้สุก


ทำไมเครื่องบินในประเทศไทยถึงใช้คำว่า HS


ทำไมเครื่องบินในประเทศไทยถึงใช้คำว่า “HS” ล่ะ

เคย สังเกตกันบ้างไหมว่าเครื่องบินในประเทศไทยได้ใช้สัญลักษณ์การลงทะเบียน อากาศยานที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่ขึ้นต้นด้วย HS หรือที่เรียกกันว่า Hotel Sierra กันนั้น มีประวัติมาจากหนใดกัน
ประเทศที่ขอ Prefix ได้ในช่วงเวลาใกล้ๆกับประเทศไทย ก็มักจะเลือกสัญญาณเรียกขานที่บ่งถึงประเทศตัวเอง เช่น ญี่ปุ่น หรือ JAPAN ได้ JA ส่วน Germany ซึ่งเรียกตัวเองว่า ดอยช์แลนด์ ก็ได้ DL แล้วคำว่า HS ที่นำหน้าสถานีของประเทศไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร

ท่านอาจารย์อุดม จะโนภาษเขียนไว้ว่า "เรื่องนี้ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ไชยากรณ์ ซึ่งเป็นโอรสของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เล่าให้ฟังว่า ในขณะนั้นยังมีอักษรอื่นก่อนตัว HS ที่ทรงเลือกอักษร HS เพราะจะให้มีความหมายว่า "His Majesty The King Of SIAM " ในสมัยนั้นประเทศไทยยังเรียกว่า SIAM อยู่ เวลาเรียกขานทางวิทยุทีหนึ่งก็จะได้เป็นการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยจึงมีสัญญาณเรียกขาน ว่า HS ตั้งแต่บัดนั้นมา สถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบก มีสัญญาณเรียกขานทางวิทยุว่า HSATV ฯลฯ"

5 สิ่งที่ต้องนึกถึงในวันฮาโลวีน


    • ผี >> เพราะเทศกาลนี้ถ้าไม่มีผีก็ไม่สนุกใช่ไหมจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นผีไทย อย่าง ผีแม่นาค ผีปอบ ผีนางตานี ฯลฯ หรือผีอินเตอร์อย่าง ผีซาดาโกะ, ซอมบี้, แวมไพร์ ฯลฯ เพราะผีแต่ละประเภทก็จะมีที่มาของความน่ากลัวที่แตกต่างกันออกไป

    • หน้ากากผี >> อันนี้พี่ปัดชอบใส่เอาไว้แกล้งเพื่อนๆ ให้ตกใจเล่น บางครั้งก็ถูกแกล้งกลับเหมือนกัน และขอบอกว่าหน้ากากที่ถูกผลิตออกมาวางจำหน่ายในปัจจุบันนั้นน่ากลัวมาก บางครั้งเห็นแล้วไม่กล้าหยิบม

    • ใส่เลย เพราะกลัวจะไปส่องกระจกแล้วหัวใจวายตาย 555

    • แต่งตัวเป็นผี >> สิ่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับเทศกาลวันฮาโลวีน เพราะวันนี้คนส่วนใหญ่จะออกมาแต่งตัวเป็นผีต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น แวมไพร์ ซอมบี้ ผีแม่นาค ฯลฯ ซึ่งการแต่งตัวเป็นผีนั้นก็เหมือนกับการแต่งแฟนซีไปงานต่างๆ นั้นเอง และในบางสถานที่นั้นก็จะมีการประกวดแต่งกายผีอีกด้วย ว่าแต่ปีนี้น้องๆ จะแต่งเป็นผีอะไรจ๊ะ

    • เรื่องผี >> สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องฮอตฮิตที่ไม่ว่าจะเป็นช่วงวันฮาโลวีน หรือช่วงเวลาไหนๆ ก็มักจะถูกนำมาเล่าถึงความน่ากลัวสยองขวัญตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในวันฮาโลวัน ไปเที่ยวพักผ่อน ไปเข้าค่ายลูกเสือ ฯลฯ โดยส่วนตัวแล้วพี่ปัดเป็นคนที่ไม่ค่อยปลื้มเรื่องลี้ลับมากนัก แต่ชื่นชอบฟังเรื่องผีมากที่สุด ฮิฮิ


    • ฟักทอง >> ถ้าเอ่ยถึงวันฮาโลวีน สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวันนี้ คือ “ตะเกียงฟักทอง” หรือที่เรียกกันว่า “แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น” ที่จะต้องแกะสลักเป็นรูปหน้าคนในกริยาแสดงอาการข่มขวัญ หรือโอดครวญ ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้ตะเกียนี้ เป็นเพราะต้องการระลึกถึงชายชาวนาในตำนานที่หาญกล้าต่อกรกับซาตาน

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับทำรายงานง่ายนิดเดียว


>>> หัวข้อเรื่อง

ตาม ปกติแล้วโดยทั่วไปอาจารย์จะกำหนดให้ แต่ถ้าหากน้องๆ มีโอกาสเลือกเองล่ะก็ น้องๆ ควรเลือกเรื่องที่สนใจ มีขอบเขตเนื้อหาไม่กว้างหรือแคบเกินไป และประเมินแล้วว่าตัวเองมีความสามารถในการหาแหล่งข้อมูลให้ค้นคว้าอย่าง เพียงพอ วิธีนี้จะช่วยให้การทำรายงานสนุกและได้ความรู้เพิ่มขึ้นค่ะ


>>> ค้นคว้าข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ข้อนี้ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญมากนะคะ เพราะในการทำรายงานนั้น หากเรามีแหล่งที่มาของข้อมูลที่หลากหลายและมีความน่าเชื่อถือ เช่น หนังสือ อินเตอร์เน็ต จำทำให้น้องๆ ได้ความละเอียด แม่นยำ หลากหลาย และทันสมัยมากยิ่งขึ้น สำหรับการค้นจากหนังสือซึ่งเป็นวิธีพื้นฐานนั้น น้องๆ จะดูจากหนังสืออ้างอิง โดยศึกษาศัพท์เฉพาะไว้เป็นพื้นฐานของเรื่องที่จะทำ รวมทั้งดรรชนีวารสาร ซึ่งจะใช้ค้นบทความจากวารสาร

>>> เรียบเรียงข้อมูล น้องๆ ควรวางโครงเรื่องให้เป็นหมวดหมู่ตามลำดับ แบ่งเนื้อหาเป็นบท จากหัวข้อใหญ่ที่มีความสำคัญมาก ตามด้วยหัวข้อย่อยที่มีความสำคัญรองลงมา จากนั้นเขียนอย่างเป็นระบบ เพื่อความสะดวกในการทำความเข้าใจ

>>> ทำบรรณานุกรม เป็นสิ่งที่น้องๆ ควรทำเพราะจะเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความหน้าเชื่อถือของที่มาของข้อมูล และเป็นการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ใช้ค้นคว้า เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหารายงาน

>>> ชื่อเรื่อง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็มาปิดท้ายด้วย 'ชื่อเรื่อง' ซึ่งควรตั้งให้กะทัดรัด ครอบคลุมเนื้อหา และวัตถุประสงค์ของรายงานที่ทำค่ะ

"วิธีทำให้ผมยาวเร็วขึ้น"


  • ออกกำลังกาย!! น้องๆ รู้กันไหมจ้ะว่าเส้นผมของเรานั้นก็สามารถที่จะออกกำลังกายได้ โดยวิธีนั้นก็แสนง่ายดายเพียงแค่ก้มศีรษะค้างไว้ 30 วินาที แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงเส้นผมให้แข็งแรงและยาวเร็วขึ้น

  • โปรตีน!! สารอาหารชนิดนี้นอกจากมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราแล้ว ยังช่วยปกป้องและซ่อมแซมเส้นผมอีกด้วย ช่วยลกการหลุดร่วงและแตกหักของเส้นผม

  • กิน!! การ กินปลา พืชผักใบเขียว และบูลเบอรี่จะช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่มีเลือดไหลเวียนนั้นแข็งแรงขึ้น รวมไปถึงเส้นผมของเราอีกด้วย

  • นวดศีรษะ!! การ นวดจะเป้นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และช่วยทำให้ผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นขณะที่สระผม น้องๆ ก็อย่าลืมนวดศีรษะอย่างเบามือกันด้วยนะจ๊ะ

  • หวีผม!! ขณะ ที่ผมเปียกอยู่ น้องๆ ห้ามหวีผมนะจ๊ะ เพราะจะทำให้เส้นผมขาดและหลุดออกมาได้ เวลาที่เหมาะสมกับการหวีผมมากที่สุด คือ ตอนที่ผมแห้งสนิทแล้วจ้ะ

  • ตัดผม!! การเล็มปลายผมนั้นนอกจากจะช่วยตัดผมแตกปลายออกไปแล้ว ยังจะช่วยทำให้ผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับการเลือกสีรองเท้าให้เหมาะกับสีผิว


สีผิวค่อนข้างคล้ำ >> น้องๆ ที่มีสีผิวลักษณะนี้ควรที่จะเลือกโทนสีรองเท้าให้มีสี ที่ไม่อ่อนหรือสดใสจนเกินไป หรือควรเลือกสีค่อนข้างเข้ม เช่น กรมท่า น้ำตาลเข้ม น้ำตาลทอง ฟ้า ม่วง เทา เขียวเข้ม เป็นต้น

ผิวสองสี >> คือสีผิวน้ำผึ้งหรือผิวแทน โทนสีรองเท้าที่เหมาะสมกับสีผิวลักษณะนี้ คือ โทนสีผสมที่ไม่ดูร้อนแรงหรือเย็นตาจนเกินไป เช่น น้ำตาลอมแดง เขียวอมฟ้า ชมพูอมส้ม สีเลือดนก ชมพูหม่น เป็นต้น

ผิวขาวซีด >> เป็นผิวที่คนอื่นชอบคิดว่าเจ้าของผิวลักษณะนี้สุขภาพไม่ดี ดังนั้นคนที่มีผิวลักษณะนี้ ควรเลือกโทนสีรองเท้าที่ค่อนข้างเข้มหรือหม่นสักเล็กน้อย เพื่อช่วยขับสีผิวให้ดูเข้มขึ้น เช่น เหลืองอมน้ำตาล น้ำตาลไหม้ หรือเขียวเข้ม แต่สีต้องห้าม!! คือ ชมพูอ่อน ฟ้าใส ม่วงลาเวนเดอร์ เหลืองครีม เพราะสีเหล่านี้จะดูกลมกลืนกับสีผิวจนเกินไป

ผิวขาว >> คนที่มีสีผิวลักษณะนี้ ถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะถ้าสวมใส่รองเท้าได้ทุกโทนสี

ผิวขาวอมเหลือง >> คนที่มีผิวลักษณะนี้ควรที่จะเลือกสีโทนร้อน เพื่อช่วยขับสีผิวให้มีสุขภาพดี และทำให้เรียวขาดูโดดเด่นขึ้น แต่ห้ามใส่!! สีขุ่นๆ อย่างน้ำตาลเข้มหรือเทา เพราะจะทำให้ผิวดูหมองลงได้

ผิวขาวอมชมพู >> ควรเลือกรองเท้าที่มีโทนสีสดใส เช่น ฟ้าอมเขียว ฟ้าใส เขียวมะนาว เพราะจะช่วยขับสีผิวให้ดูโดดเด่นขึ้น


ชำแหละความฉลาดของไอน์สไตน์


เชื่อ ว่าทั้งนักวิจัยและบุคคลธรรมดาต่างก็สนใจใคร่รู้ว่า สมองของไอน์สไตน์จะแตกต่างจากสมองคนทั่วไปมากน้อยสักแค่ไหน เข้าจึงได้ชื่อว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ข้อมูลที่เราทราบในเบื้องต้นนานมาแล้ว มีว่า สมองของยอดอัจฉริยะท่านนี้มิได้ใหญ่โตกว่าสมองของคนปกติ จำนวนเซลล์มีพอๆ กัน แต่ส่วนต่างนั้นมีแน่...
จากการวิเคราะห์สมองไอน์สไตน์ครั้งล่าสุดโดยนักวิจัยจากแคนนาดาตีพิมพ์ใน วรสารแลนเซ็ต ระบุว่าสมองของไอน์สไตน์มีลักษณะบางประการ ที่แตกต่างจากสมองของคนทั่วไปคือ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสามารถด้านคณิตศาสตร์และการคิดหาเหตุผลแบบspatial reasoning มีขนาดใหญ่กว่าขนาดเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด และอาจจะมีการติดต่อกันระหว่างเซลล์ที่มากกว่าปกติ ทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากผู้ที่ทำการศึกษาเปรียบเทียบสมองของนักวิทย์นามอุโฆษคือ ดร.แซนดรา วิเทลสัน นักวิจัยด้านระบบประสาทซึ่งเป็นผู้ดูแล brain bank หรือ ธนาคารสมอง ที่มหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ที่แฮมิลตัน ออนทาริโอ ประเทศแคนาดา ธนาคารสมองแห่งนี้มีตัวอย่างสทองปกติมากมายที่เจ้าของอุทิศไว้เพื่อการศึกษา ก่อนตาย ทำให้ ดร.แซนดรา มีข้อมูลเปรียบเทียบมากพอ ที่จะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการศึกษาสมองที่มีอายุใกล้เคียงกับไอน์สไตน์มา ทำการศึกษาเปรียบเทียบ
และผลจากการเปรียบเทียบนี้เอง ที่ยืนยันความรู้เดิมๆ ว่า ขนาดของสมองไอน์สไตน์ก็ไม่แตกต่างจากคนปกติ แต่ส่วนที่ต่างคือไอน์สไตน์มีสมองส่วนที่เรียกว่า อินฟีเรีย พารีทัล โลบ (inferior parietal lobe) ใหญ่กว่าปกติถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ดร.แซนดรารายงานไว้ว่า "การรับรู้แบบ visuo spatial การ คิดเชิงคณิตศาสตร์ และการมีมโนภาพของการเคื่อนไหว ขึ้นตรงต่อสมองส่วนนี้มากที่สุด" เราทราบมาว่า การมองสิ่งต่างๆ อย่างทะลุปรุโปร่งของไอน์สไตน์เกิดจาก การคิดออกมาเป็นภาพก่อนที่จะแปลงเป็นภาษาคณิตศาสตร์ เช่น ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษของ ไอน์สไตน์ที่เกิดจากความครุ่นคิดไอน์สไตน์ที่ว่า จะเป็นไปได้อย่างไรหากเราเคลื่อนที่ไปในอวกาศด้วยความเร็วเท่าแสง
นอกจากสมองส่วน อินฟีเรีย พารีทัล โลบ ที่ใหญ่กว่าปกติแล้ว ยังมีส่วนสำคัญที่เรียกว่า Sylvian fissureซึ่ง ก็ตือ รอยแยกของสมองพบว่าสมองไอน์สไตน์มีร่องนี้เล็กมาก เมื่องร่องนี้เล็กแผ่นสไลด์ภาพตัดขวางของสมองไอน์สไตน์มราอยู่ติดกันแน่น ทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์เป็นไปได้มากกว่าเมื่อมีการถ่ายทอดข้อมูลและ ความคิดมากกว่า ก็นำไปสู่สติปัญญาและความฉลาดมากกว่านั่นเอง
นี่ เป็นเพียง ความเป็นไปได้ทางทฤษฎีประสาทวิทยายุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังไม่อาจสรุปได้ว่าจะเป้นจริงตามนี้หรือไม่ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าไอน์สไตน์ คือยอดอัจฉริยะและเราก็ทราบว่าสมองของเขาแตกต่างจากคนปกติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่า สองสิ่งนี้เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
สิ่งที่ช่วยยืนยันให้มั่นใจได้ก็คือ เราจะต้องไปตรวจดูสมองของอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ท่านอื่นๆ ด้วยว่า สมองของเราเหล่านั้นมีความผิดปกติ แบบเดียวกับสมองไอน์สไตน์หรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นจริงก็ยังมีปัญหาอีกข้อหนึ่งคือ ความผิดปกตินี้มาจากพันธุกรามหรือเป็นผลมาจากการฝึกบริหารสมอง ทำให้เราไม่รู้อยู่ดีว่าอัจฉริยภาพของไอน์สไตน์นั้นเป็นสิ่งที่มีมาแต่ กำเนิดหรือเกิดจากการฝึกฝน

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"เก็กฮวย"ช่วยแก้ปวดหัวได้


เก๊กฮวย เป็นไม้ดอกตระกูลเดียวกับทานตะวัน ปลูกมากทางภาคเหนือ เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นตรง ลักษณะใบเป็นรูปใข่ ปลายใบแหลม ขอบเว้า ออกดอกเป็นกระจุก ดอกสีเหลืองขนาดเล็ก นำมาตากแห้งเก็บไว้ได้นาน

ใช้ดอกเก๊กฮวยแห้ง มาล้างให้สะอาด เติมน้ำลงในหม้อต้ม ใส่เก๊กฮวยลงในหม้อ ต้ม 2 นาที จนน้ำที่ต้มเป็นสีเหลือง แล้วนำมากรอง เอากากออก เติมน้ำตาลลงไป ต้มจนน้ำตาลละลาย จะได้น้ำเก๊กฮวยที่มีรสชาติหวานหอมชื่นใจ

แถมเจ้าเก๊กฮวยประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพรแบบที่เราอาจคาดไม่ถึงด้วยนะเนี่ย
- เก๊กฮวยพันธุ์เบญจมาศหนู มีน้ำมันหอมมระเหย มีรสขม
- ดอก เป็นยาระงับอาการปวดศีรษะ ไข้หวัด ขับลมในลำไส้ บำรุงประสาท
- ดอกและใบ ต้มละลายนิ่ว
- ใบและต้นใช้รักษาโรคผิวหนังได้
- เก๊กฮวยพันธุ์เบญจมาศสวน มีน้ำมันหอมมระเหย มีสารฝาดสมาน
- ดอก ช่วยย่อยและเจริญอาหาร เป็นยาระบาย แก้กระหายน้ำ แก้อาการร้อนใน
- ใบ แก้ปวดศีรษะ
- ต้น ผสมกับพริกไทยดำรักษาโรคโกโนเรียย ถ้าสกัดเอาน้ำจากต้นสด ช่วยลดอาการอักเสบ


เผยกินแกงกะหรี่ ป้องกันอัลไซเมอร์ได้


พร้อมทานครบ 5 หมู่ - ออกกำลังกายไปด้วย

รับประทานแกงกะหรี่หรืออาหารปรุงด้วยผงกะหรี่สัปดาห์ละ1 หรือ 2 ครั้ง อาจช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) ได้ การค้นพบครั้งนี้เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยดุค ในนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าสารเคอร์คูมิน ในแกงกระหรี่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหินปูนโปรตีนที่ชื่อ"แอมมิลอยด์" ในสมองที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของความจำเสื่อม

อย่าง ไรก็ตาม ผู้วิจัยเตือนว่า อย่าไปหวังพึ่งว่าการรับประทานแกงกะหรี่จะเป็นยาวิเศษป้องกันโรคความจำ เนื่อมเพราะหากต้องการมีสมองดีก็ต้องรับประทานทุกชนิดอย่างเลือกสรร ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ตามด้วยการรับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ

ผลจากการวิจัยนี้อาจะเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาเม็ดยาแกงกะหรี่ที่ให้ผลอย่างเดียวกับแกงกะหรี่หรือผงกะหรี่

สมา คมโรคอัลไซเมอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาสนับสนุนผลทางการวิจัยนี้ โดยชี้ว่าชุมชนชาวอินเดียที่รับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเกิดของโรคความจำเสื่อมอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งในช่วงนั้นทางสมาคมยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากนี้สมาคมสนใจจะสำรวจผลดีจากสารเคอร์คูมินในผงกะหรี่ว่าสามารถ ป้องกันสมองเสื่อมได้จริงหรือไม่

หาก ผลกะหรี่ให้ผลดีในการป้องกันโรคจริง ก็จะถือว่าเป็นแนวทางการรักษาและป้องกันราคาถูก ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตคนจำนวนมากดีขึ้น

อากาศก็ไม่หนาว ทำไมปากถึงแห้ง??



ผิวขาดน้ำ >>>เป็นคนที่ดื่มน้ำน้อย ผิวทั่วร่างกายรวมทั้งริมฝีปากก็จะแห้งเพราะขาดน้ำ ฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นที่สุดถ้าน้องๆ ไม่อยากปากแห้งแตกล่ะก็ควรดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อยก็วันและแปดแก้ว






เลียริมฝีปาก >>> อาจคิดว่าการเลียริมฝีปากบ่อยๆ จะช่วยทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้น แต่จริงๆ แล้วเอนไซม์ในน้ำลายจะทำให้ความชุ่มชื้นระเหยออกไปเร็วขึ้น เมื่อทราบอย่างนี้แล้วน้องๆ คนที่มีพฤติกรรมชอบเลียปากล่ะก็ ต้องรีบหยุดทันทีเลยนะคะ

นอนอ้าปาก >>> พฤติกรรม นี้อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว การนอนอ้าปากหรือสูดหายใจทางปากบ่อยๆ ก็ทำให้ปากแห้งแตกได้ เพราะสูญเสียความชุ่มชื้นในขณะเปิดปาก น้องๆ สามารถป้องกันได้โดยทาครีมหรือลิปบาล์มเป็นประจำ

แพ้สารบางอย่าง >>> ปัญหา นี้จะพบบ่อยกับสาวๆ ที่ชอบทาลิปสติกนะคะ เป็นไปได้ว่าสารบางอย่างในลิปสติกหรือเครื่องสำอางทำให้น้องๆ เกิดอาการแพ้ ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น น้องๆ ควรหาให้เจอว่าตนเองแพ้อะไร ถ้าทราบแล้วก็ต้องเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังกล่าวไปเลยค่ะ แล้วอาการปากแห้งแตกก็จะหายไปเอง


7 ข้อห้าม!! หลังกินอาหาร




หนังท้องตึง หนังตาหย่อน” คือ ประโยคที่ใครหลายๆ คนชอบพูดกันเวลาอิ่มใช่ไหมจ๊ะ พอกินเสร็จเราก็จะรู้ง่วงนอนเล็กน้อย แต่พี่ปัดขอบอกน้องๆ ไว้ก่อนว่า ห้ามนอนทันทีเด็ดขาด!! นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามอีก 6 ข้อ ที่ห้ามทำหลังกินอาหาร คือ.....

  • ห้ามสูบบุหรี่ทันที!! การเป็นสิงห์อมควันเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว เพราะจะทำให้เป็นโรคถุงลมโป่งพอง , โรคมะเร็งปอด และการที่สูบบุหรี่หลังกินอาหาร 1 มวน จะเทียบได้กับการสูบบุหรี่ยามปกติถึง 10 มวน (อย่าลืมไปเตือนคุณพ่อหรือญาติๆ ที่สูบบุหรี่นะคะ)

  • ห้ามกินผลไม้ทันที!! ส่วนใหญ่น้องๆ มักจะกินผลไม้หลังจากที่กินอาหารทันทีเลยใช่ไหมจ๊ะ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการกินผลไม้มากที่สุด คือ 1 หรือ 2 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังกินอาหาร

  • ห้ามดื่มชาทันที!! เพราะใบชามีความเป็นกรดสูง ทำให้โปรตีนในอาหารที่น้องๆ ทานเข้าไปย่อยยากขึ้น

  • ห้ามขยายเข็มขัดเด็ดขาด!! หลังกินอาหารเสร็จน้องๆ อย่าขยายเข็มขัดนะจ๊ะ เพราะจะทำให้ลำไส้ทำงานไม่เป็นปกตินะ

  • ห้ามอาบน้ำทันที!! กินข้าวเสร็จแล้ว อย่าพึ่งรีบไปอาบน้ำนะจ๊ะ เพราะการอาบน้ำจะทำให้เลือดไหลเวียนไปที่มือละเท้าทั่วร่างกาย เป็นสาเหตุทำให้บริเวณท้องมีเลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้การย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่

  • ห้ามเดินทันที!! การเดินหลังจากที่กินอาหารเสร็จ จะทำให้การดูดซึมอาหารทำได้ไม่ดี ดังนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ หลังจากกินอาหารเสร็จ 1 ชั่วโมงไปแล้ว

  • ห้ามนอนทันที!! เพราะ การกินเสร็จแล้วนอนนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังจะทำให้การย่อยอาหารไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และเกิดลมหรือแก๊สในทางเดินอาหารได้อีกด้วย



ศิลปะบนแซนวิช...น่ากินมากมาย









ความสามารถพิเศษของคุณคือ...


มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า มนุษย์ทุกคนมีความสามารถพิเศษเฉพาะ ตัวด้วยกันทั้งนั้น บางคนอาจจะอยู่ตื้น จนฉายออกมาให้เห็นกันชัดๆ บางคนอยู่ลึกจนอยู่ลึกจนตัวเองก็ยังหาไม่เจอ ใครที่เจอแล้ว นำมาใช้ในทางที่ดี เป็นประโยชน์ ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย (ดังนั้นนอกจากจะหาแล้ว ต้องใช้ให้เหมาะสมด้วยนะครับ)


ความสามารถที่สูง แปลได้คล้ายๆ กับคำว่าความเก่ง ซึ่งความเก่งก็แบ่งออกเป็นด้านต่างๆ หลายด้านครับ ความเก่งด้านกีฬา
ความเก่งด้านความจำ ความเก่งด้านความคิด ความเก่งด้านการพูด ความเกงด้านการแสดง
ฯลฯ ซึ่งหาได้ยากที่ใครจะรวบรวมความเก่งถึงขั้นเชี่ยวชาญ เอาไว้ในคนเดียว

ดังนั้นใครเรียนไม่เก่ง หรืออ่อนด้านกีฬา ก็อย่าเพิ่งเซ็ง เฝ้าโทษตัวเอง เพราะเราอาจถูกสร้างมาเพื่อมีความสามารถ ความถนัด ในด้านอื่นครับ อธิบายไปแล้ว น้องๆ หลายคนคงอยากลุกขึ้นมาค้นหาความสามารถของตัวเองบ้าง

แนะนำว่า ลองสำรวจด้วยวิธีเหล่านี้ดูครับ

- ทำแล้วมีความสุข - ทำได้ง่ายดาย ขณะที่คนอื่นทำอย่างยากเย็น - ทำได้เป็นเวลานานๆ - ทำเป็นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เวลาฝึกฝน