วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับทำรายงานง่ายนิดเดียว


>>> หัวข้อเรื่อง

ตาม ปกติแล้วโดยทั่วไปอาจารย์จะกำหนดให้ แต่ถ้าหากน้องๆ มีโอกาสเลือกเองล่ะก็ น้องๆ ควรเลือกเรื่องที่สนใจ มีขอบเขตเนื้อหาไม่กว้างหรือแคบเกินไป และประเมินแล้วว่าตัวเองมีความสามารถในการหาแหล่งข้อมูลให้ค้นคว้าอย่าง เพียงพอ วิธีนี้จะช่วยให้การทำรายงานสนุกและได้ความรู้เพิ่มขึ้นค่ะ


>>> ค้นคว้าข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ข้อนี้ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญมากนะคะ เพราะในการทำรายงานนั้น หากเรามีแหล่งที่มาของข้อมูลที่หลากหลายและมีความน่าเชื่อถือ เช่น หนังสือ อินเตอร์เน็ต จำทำให้น้องๆ ได้ความละเอียด แม่นยำ หลากหลาย และทันสมัยมากยิ่งขึ้น สำหรับการค้นจากหนังสือซึ่งเป็นวิธีพื้นฐานนั้น น้องๆ จะดูจากหนังสืออ้างอิง โดยศึกษาศัพท์เฉพาะไว้เป็นพื้นฐานของเรื่องที่จะทำ รวมทั้งดรรชนีวารสาร ซึ่งจะใช้ค้นบทความจากวารสาร

>>> เรียบเรียงข้อมูล น้องๆ ควรวางโครงเรื่องให้เป็นหมวดหมู่ตามลำดับ แบ่งเนื้อหาเป็นบท จากหัวข้อใหญ่ที่มีความสำคัญมาก ตามด้วยหัวข้อย่อยที่มีความสำคัญรองลงมา จากนั้นเขียนอย่างเป็นระบบ เพื่อความสะดวกในการทำความเข้าใจ

>>> ทำบรรณานุกรม เป็นสิ่งที่น้องๆ ควรทำเพราะจะเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความหน้าเชื่อถือของที่มาของข้อมูล และเป็นการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ใช้ค้นคว้า เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหารายงาน

>>> ชื่อเรื่อง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็มาปิดท้ายด้วย 'ชื่อเรื่อง' ซึ่งควรตั้งให้กะทัดรัด ครอบคลุมเนื้อหา และวัตถุประสงค์ของรายงานที่ทำค่ะ

"วิธีทำให้ผมยาวเร็วขึ้น"


  • ออกกำลังกาย!! น้องๆ รู้กันไหมจ้ะว่าเส้นผมของเรานั้นก็สามารถที่จะออกกำลังกายได้ โดยวิธีนั้นก็แสนง่ายดายเพียงแค่ก้มศีรษะค้างไว้ 30 วินาที แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงเส้นผมให้แข็งแรงและยาวเร็วขึ้น

  • โปรตีน!! สารอาหารชนิดนี้นอกจากมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราแล้ว ยังช่วยปกป้องและซ่อมแซมเส้นผมอีกด้วย ช่วยลกการหลุดร่วงและแตกหักของเส้นผม

  • กิน!! การ กินปลา พืชผักใบเขียว และบูลเบอรี่จะช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่มีเลือดไหลเวียนนั้นแข็งแรงขึ้น รวมไปถึงเส้นผมของเราอีกด้วย

  • นวดศีรษะ!! การ นวดจะเป้นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และช่วยทำให้ผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นขณะที่สระผม น้องๆ ก็อย่าลืมนวดศีรษะอย่างเบามือกันด้วยนะจ๊ะ

  • หวีผม!! ขณะ ที่ผมเปียกอยู่ น้องๆ ห้ามหวีผมนะจ๊ะ เพราะจะทำให้เส้นผมขาดและหลุดออกมาได้ เวลาที่เหมาะสมกับการหวีผมมากที่สุด คือ ตอนที่ผมแห้งสนิทแล้วจ้ะ

  • ตัดผม!! การเล็มปลายผมนั้นนอกจากจะช่วยตัดผมแตกปลายออกไปแล้ว ยังจะช่วยทำให้ผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับการเลือกสีรองเท้าให้เหมาะกับสีผิว


สีผิวค่อนข้างคล้ำ >> น้องๆ ที่มีสีผิวลักษณะนี้ควรที่จะเลือกโทนสีรองเท้าให้มีสี ที่ไม่อ่อนหรือสดใสจนเกินไป หรือควรเลือกสีค่อนข้างเข้ม เช่น กรมท่า น้ำตาลเข้ม น้ำตาลทอง ฟ้า ม่วง เทา เขียวเข้ม เป็นต้น

ผิวสองสี >> คือสีผิวน้ำผึ้งหรือผิวแทน โทนสีรองเท้าที่เหมาะสมกับสีผิวลักษณะนี้ คือ โทนสีผสมที่ไม่ดูร้อนแรงหรือเย็นตาจนเกินไป เช่น น้ำตาลอมแดง เขียวอมฟ้า ชมพูอมส้ม สีเลือดนก ชมพูหม่น เป็นต้น

ผิวขาวซีด >> เป็นผิวที่คนอื่นชอบคิดว่าเจ้าของผิวลักษณะนี้สุขภาพไม่ดี ดังนั้นคนที่มีผิวลักษณะนี้ ควรเลือกโทนสีรองเท้าที่ค่อนข้างเข้มหรือหม่นสักเล็กน้อย เพื่อช่วยขับสีผิวให้ดูเข้มขึ้น เช่น เหลืองอมน้ำตาล น้ำตาลไหม้ หรือเขียวเข้ม แต่สีต้องห้าม!! คือ ชมพูอ่อน ฟ้าใส ม่วงลาเวนเดอร์ เหลืองครีม เพราะสีเหล่านี้จะดูกลมกลืนกับสีผิวจนเกินไป

ผิวขาว >> คนที่มีสีผิวลักษณะนี้ ถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะถ้าสวมใส่รองเท้าได้ทุกโทนสี

ผิวขาวอมเหลือง >> คนที่มีผิวลักษณะนี้ควรที่จะเลือกสีโทนร้อน เพื่อช่วยขับสีผิวให้มีสุขภาพดี และทำให้เรียวขาดูโดดเด่นขึ้น แต่ห้ามใส่!! สีขุ่นๆ อย่างน้ำตาลเข้มหรือเทา เพราะจะทำให้ผิวดูหมองลงได้

ผิวขาวอมชมพู >> ควรเลือกรองเท้าที่มีโทนสีสดใส เช่น ฟ้าอมเขียว ฟ้าใส เขียวมะนาว เพราะจะช่วยขับสีผิวให้ดูโดดเด่นขึ้น


ชำแหละความฉลาดของไอน์สไตน์


เชื่อ ว่าทั้งนักวิจัยและบุคคลธรรมดาต่างก็สนใจใคร่รู้ว่า สมองของไอน์สไตน์จะแตกต่างจากสมองคนทั่วไปมากน้อยสักแค่ไหน เข้าจึงได้ชื่อว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ข้อมูลที่เราทราบในเบื้องต้นนานมาแล้ว มีว่า สมองของยอดอัจฉริยะท่านนี้มิได้ใหญ่โตกว่าสมองของคนปกติ จำนวนเซลล์มีพอๆ กัน แต่ส่วนต่างนั้นมีแน่...
จากการวิเคราะห์สมองไอน์สไตน์ครั้งล่าสุดโดยนักวิจัยจากแคนนาดาตีพิมพ์ใน วรสารแลนเซ็ต ระบุว่าสมองของไอน์สไตน์มีลักษณะบางประการ ที่แตกต่างจากสมองของคนทั่วไปคือ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสามารถด้านคณิตศาสตร์และการคิดหาเหตุผลแบบspatial reasoning มีขนาดใหญ่กว่าขนาดเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด และอาจจะมีการติดต่อกันระหว่างเซลล์ที่มากกว่าปกติ ทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากผู้ที่ทำการศึกษาเปรียบเทียบสมองของนักวิทย์นามอุโฆษคือ ดร.แซนดรา วิเทลสัน นักวิจัยด้านระบบประสาทซึ่งเป็นผู้ดูแล brain bank หรือ ธนาคารสมอง ที่มหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ที่แฮมิลตัน ออนทาริโอ ประเทศแคนาดา ธนาคารสมองแห่งนี้มีตัวอย่างสทองปกติมากมายที่เจ้าของอุทิศไว้เพื่อการศึกษา ก่อนตาย ทำให้ ดร.แซนดรา มีข้อมูลเปรียบเทียบมากพอ ที่จะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการศึกษาสมองที่มีอายุใกล้เคียงกับไอน์สไตน์มา ทำการศึกษาเปรียบเทียบ
และผลจากการเปรียบเทียบนี้เอง ที่ยืนยันความรู้เดิมๆ ว่า ขนาดของสมองไอน์สไตน์ก็ไม่แตกต่างจากคนปกติ แต่ส่วนที่ต่างคือไอน์สไตน์มีสมองส่วนที่เรียกว่า อินฟีเรีย พารีทัล โลบ (inferior parietal lobe) ใหญ่กว่าปกติถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ดร.แซนดรารายงานไว้ว่า "การรับรู้แบบ visuo spatial การ คิดเชิงคณิตศาสตร์ และการมีมโนภาพของการเคื่อนไหว ขึ้นตรงต่อสมองส่วนนี้มากที่สุด" เราทราบมาว่า การมองสิ่งต่างๆ อย่างทะลุปรุโปร่งของไอน์สไตน์เกิดจาก การคิดออกมาเป็นภาพก่อนที่จะแปลงเป็นภาษาคณิตศาสตร์ เช่น ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษของ ไอน์สไตน์ที่เกิดจากความครุ่นคิดไอน์สไตน์ที่ว่า จะเป็นไปได้อย่างไรหากเราเคลื่อนที่ไปในอวกาศด้วยความเร็วเท่าแสง
นอกจากสมองส่วน อินฟีเรีย พารีทัล โลบ ที่ใหญ่กว่าปกติแล้ว ยังมีส่วนสำคัญที่เรียกว่า Sylvian fissureซึ่ง ก็ตือ รอยแยกของสมองพบว่าสมองไอน์สไตน์มีร่องนี้เล็กมาก เมื่องร่องนี้เล็กแผ่นสไลด์ภาพตัดขวางของสมองไอน์สไตน์มราอยู่ติดกันแน่น ทำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์เป็นไปได้มากกว่าเมื่อมีการถ่ายทอดข้อมูลและ ความคิดมากกว่า ก็นำไปสู่สติปัญญาและความฉลาดมากกว่านั่นเอง
นี่ เป็นเพียง ความเป็นไปได้ทางทฤษฎีประสาทวิทยายุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังไม่อาจสรุปได้ว่าจะเป้นจริงตามนี้หรือไม่ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าไอน์สไตน์ คือยอดอัจฉริยะและเราก็ทราบว่าสมองของเขาแตกต่างจากคนปกติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่า สองสิ่งนี้เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
สิ่งที่ช่วยยืนยันให้มั่นใจได้ก็คือ เราจะต้องไปตรวจดูสมองของอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ท่านอื่นๆ ด้วยว่า สมองของเราเหล่านั้นมีความผิดปกติ แบบเดียวกับสมองไอน์สไตน์หรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นจริงก็ยังมีปัญหาอีกข้อหนึ่งคือ ความผิดปกตินี้มาจากพันธุกรามหรือเป็นผลมาจากการฝึกบริหารสมอง ทำให้เราไม่รู้อยู่ดีว่าอัจฉริยภาพของไอน์สไตน์นั้นเป็นสิ่งที่มีมาแต่ กำเนิดหรือเกิดจากการฝึกฝน