วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"เก็กฮวย"ช่วยแก้ปวดหัวได้


เก๊กฮวย เป็นไม้ดอกตระกูลเดียวกับทานตะวัน ปลูกมากทางภาคเหนือ เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นตรง ลักษณะใบเป็นรูปใข่ ปลายใบแหลม ขอบเว้า ออกดอกเป็นกระจุก ดอกสีเหลืองขนาดเล็ก นำมาตากแห้งเก็บไว้ได้นาน

ใช้ดอกเก๊กฮวยแห้ง มาล้างให้สะอาด เติมน้ำลงในหม้อต้ม ใส่เก๊กฮวยลงในหม้อ ต้ม 2 นาที จนน้ำที่ต้มเป็นสีเหลือง แล้วนำมากรอง เอากากออก เติมน้ำตาลลงไป ต้มจนน้ำตาลละลาย จะได้น้ำเก๊กฮวยที่มีรสชาติหวานหอมชื่นใจ

แถมเจ้าเก๊กฮวยประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพรแบบที่เราอาจคาดไม่ถึงด้วยนะเนี่ย
- เก๊กฮวยพันธุ์เบญจมาศหนู มีน้ำมันหอมมระเหย มีรสขม
- ดอก เป็นยาระงับอาการปวดศีรษะ ไข้หวัด ขับลมในลำไส้ บำรุงประสาท
- ดอกและใบ ต้มละลายนิ่ว
- ใบและต้นใช้รักษาโรคผิวหนังได้
- เก๊กฮวยพันธุ์เบญจมาศสวน มีน้ำมันหอมมระเหย มีสารฝาดสมาน
- ดอก ช่วยย่อยและเจริญอาหาร เป็นยาระบาย แก้กระหายน้ำ แก้อาการร้อนใน
- ใบ แก้ปวดศีรษะ
- ต้น ผสมกับพริกไทยดำรักษาโรคโกโนเรียย ถ้าสกัดเอาน้ำจากต้นสด ช่วยลดอาการอักเสบ


เผยกินแกงกะหรี่ ป้องกันอัลไซเมอร์ได้


พร้อมทานครบ 5 หมู่ - ออกกำลังกายไปด้วย

รับประทานแกงกะหรี่หรืออาหารปรุงด้วยผงกะหรี่สัปดาห์ละ1 หรือ 2 ครั้ง อาจช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (อัลไซเมอร์) ได้ การค้นพบครั้งนี้เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยดุค ในนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าสารเคอร์คูมิน ในแกงกระหรี่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหินปูนโปรตีนที่ชื่อ"แอมมิลอยด์" ในสมองที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของความจำเสื่อม

อย่าง ไรก็ตาม ผู้วิจัยเตือนว่า อย่าไปหวังพึ่งว่าการรับประทานแกงกะหรี่จะเป็นยาวิเศษป้องกันโรคความจำ เนื่อมเพราะหากต้องการมีสมองดีก็ต้องรับประทานทุกชนิดอย่างเลือกสรร ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ตามด้วยการรับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ

ผลจากการวิจัยนี้อาจะเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาเม็ดยาแกงกะหรี่ที่ให้ผลอย่างเดียวกับแกงกะหรี่หรือผงกะหรี่

สมา คมโรคอัลไซเมอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาสนับสนุนผลทางการวิจัยนี้ โดยชี้ว่าชุมชนชาวอินเดียที่รับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเกิดของโรคความจำเสื่อมอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งในช่วงนั้นทางสมาคมยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากนี้สมาคมสนใจจะสำรวจผลดีจากสารเคอร์คูมินในผงกะหรี่ว่าสามารถ ป้องกันสมองเสื่อมได้จริงหรือไม่

หาก ผลกะหรี่ให้ผลดีในการป้องกันโรคจริง ก็จะถือว่าเป็นแนวทางการรักษาและป้องกันราคาถูก ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตคนจำนวนมากดีขึ้น

อากาศก็ไม่หนาว ทำไมปากถึงแห้ง??



ผิวขาดน้ำ >>>เป็นคนที่ดื่มน้ำน้อย ผิวทั่วร่างกายรวมทั้งริมฝีปากก็จะแห้งเพราะขาดน้ำ ฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นที่สุดถ้าน้องๆ ไม่อยากปากแห้งแตกล่ะก็ควรดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อยก็วันและแปดแก้ว






เลียริมฝีปาก >>> อาจคิดว่าการเลียริมฝีปากบ่อยๆ จะช่วยทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้น แต่จริงๆ แล้วเอนไซม์ในน้ำลายจะทำให้ความชุ่มชื้นระเหยออกไปเร็วขึ้น เมื่อทราบอย่างนี้แล้วน้องๆ คนที่มีพฤติกรรมชอบเลียปากล่ะก็ ต้องรีบหยุดทันทีเลยนะคะ

นอนอ้าปาก >>> พฤติกรรม นี้อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว การนอนอ้าปากหรือสูดหายใจทางปากบ่อยๆ ก็ทำให้ปากแห้งแตกได้ เพราะสูญเสียความชุ่มชื้นในขณะเปิดปาก น้องๆ สามารถป้องกันได้โดยทาครีมหรือลิปบาล์มเป็นประจำ

แพ้สารบางอย่าง >>> ปัญหา นี้จะพบบ่อยกับสาวๆ ที่ชอบทาลิปสติกนะคะ เป็นไปได้ว่าสารบางอย่างในลิปสติกหรือเครื่องสำอางทำให้น้องๆ เกิดอาการแพ้ ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น น้องๆ ควรหาให้เจอว่าตนเองแพ้อะไร ถ้าทราบแล้วก็ต้องเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังกล่าวไปเลยค่ะ แล้วอาการปากแห้งแตกก็จะหายไปเอง


7 ข้อห้าม!! หลังกินอาหาร




หนังท้องตึง หนังตาหย่อน” คือ ประโยคที่ใครหลายๆ คนชอบพูดกันเวลาอิ่มใช่ไหมจ๊ะ พอกินเสร็จเราก็จะรู้ง่วงนอนเล็กน้อย แต่พี่ปัดขอบอกน้องๆ ไว้ก่อนว่า ห้ามนอนทันทีเด็ดขาด!! นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามอีก 6 ข้อ ที่ห้ามทำหลังกินอาหาร คือ.....

  • ห้ามสูบบุหรี่ทันที!! การเป็นสิงห์อมควันเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว เพราะจะทำให้เป็นโรคถุงลมโป่งพอง , โรคมะเร็งปอด และการที่สูบบุหรี่หลังกินอาหาร 1 มวน จะเทียบได้กับการสูบบุหรี่ยามปกติถึง 10 มวน (อย่าลืมไปเตือนคุณพ่อหรือญาติๆ ที่สูบบุหรี่นะคะ)

  • ห้ามกินผลไม้ทันที!! ส่วนใหญ่น้องๆ มักจะกินผลไม้หลังจากที่กินอาหารทันทีเลยใช่ไหมจ๊ะ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการกินผลไม้มากที่สุด คือ 1 หรือ 2 ชั่วโมง ก่อนหรือหลังกินอาหาร

  • ห้ามดื่มชาทันที!! เพราะใบชามีความเป็นกรดสูง ทำให้โปรตีนในอาหารที่น้องๆ ทานเข้าไปย่อยยากขึ้น

  • ห้ามขยายเข็มขัดเด็ดขาด!! หลังกินอาหารเสร็จน้องๆ อย่าขยายเข็มขัดนะจ๊ะ เพราะจะทำให้ลำไส้ทำงานไม่เป็นปกตินะ

  • ห้ามอาบน้ำทันที!! กินข้าวเสร็จแล้ว อย่าพึ่งรีบไปอาบน้ำนะจ๊ะ เพราะการอาบน้ำจะทำให้เลือดไหลเวียนไปที่มือละเท้าทั่วร่างกาย เป็นสาเหตุทำให้บริเวณท้องมีเลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้การย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่

  • ห้ามเดินทันที!! การเดินหลังจากที่กินอาหารเสร็จ จะทำให้การดูดซึมอาหารทำได้ไม่ดี ดังนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ หลังจากกินอาหารเสร็จ 1 ชั่วโมงไปแล้ว

  • ห้ามนอนทันที!! เพราะ การกินเสร็จแล้วนอนนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังจะทำให้การย่อยอาหารไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และเกิดลมหรือแก๊สในทางเดินอาหารได้อีกด้วย



ศิลปะบนแซนวิช...น่ากินมากมาย









ความสามารถพิเศษของคุณคือ...


มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า มนุษย์ทุกคนมีความสามารถพิเศษเฉพาะ ตัวด้วยกันทั้งนั้น บางคนอาจจะอยู่ตื้น จนฉายออกมาให้เห็นกันชัดๆ บางคนอยู่ลึกจนอยู่ลึกจนตัวเองก็ยังหาไม่เจอ ใครที่เจอแล้ว นำมาใช้ในทางที่ดี เป็นประโยชน์ ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย (ดังนั้นนอกจากจะหาแล้ว ต้องใช้ให้เหมาะสมด้วยนะครับ)


ความสามารถที่สูง แปลได้คล้ายๆ กับคำว่าความเก่ง ซึ่งความเก่งก็แบ่งออกเป็นด้านต่างๆ หลายด้านครับ ความเก่งด้านกีฬา
ความเก่งด้านความจำ ความเก่งด้านความคิด ความเก่งด้านการพูด ความเกงด้านการแสดง
ฯลฯ ซึ่งหาได้ยากที่ใครจะรวบรวมความเก่งถึงขั้นเชี่ยวชาญ เอาไว้ในคนเดียว

ดังนั้นใครเรียนไม่เก่ง หรืออ่อนด้านกีฬา ก็อย่าเพิ่งเซ็ง เฝ้าโทษตัวเอง เพราะเราอาจถูกสร้างมาเพื่อมีความสามารถ ความถนัด ในด้านอื่นครับ อธิบายไปแล้ว น้องๆ หลายคนคงอยากลุกขึ้นมาค้นหาความสามารถของตัวเองบ้าง

แนะนำว่า ลองสำรวจด้วยวิธีเหล่านี้ดูครับ

- ทำแล้วมีความสุข - ทำได้ง่ายดาย ขณะที่คนอื่นทำอย่างยากเย็น - ทำได้เป็นเวลานานๆ - ทำเป็นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เวลาฝึกฝน